ในนาซีเยอรมัน ที่ยืนชาติพันธุ์ผิวเหลือง




จากหนังสือ Mein kampf  หรือการต่อสู้ของข้าพเจ้าโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ท่านผู้นำขวัญใจคนไทยหลาย ๆ คนในบท 'ชาติและเผ่าพันธุ์' ได้กล่าวไว้ว่า "มนุษยชาติมี 3 จำพวก พวกแรก ผู้รังสรรค์ พวกที่สอง ผู้ตาม(ทาส) และสุดท้าย ผู้ทำลายล้าง"

ไมน์คัมฟ์หน้า 388-389 บอกไว้ว่าญี่ปุ่นนั้นใช้วิทยาการตะวันตกในการพัฒนาประเทศตามแบบตะวันตก แต่ถ้าเราหยุดให้การช่วยเหลือตั้งแต่วันนี้ อารยธรรมญี่ปุ่นจะล้าหลังและกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ ชาติเอเชียไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมตัวเองได้ ทำได้ดีสุดแค่เลียนแบบ
ยังดีที่พันธมิตรญี่ปุ่นนั้นมีจุดยืนสูงกว่าจีนในสายตาของฮิตเลอร์อยู่บ้างแต่ก็ยังจัดอยู่ในชั้นผู้ตาม ไม่มีวันที่เอเชียจะเป็นมนุษย์เทียบเท่าผู้รังสรรค์ ชาติพันธุ์มองโกลอยด์ในจีนนั้นเปรียบเทียบได้กับชนผิวสีในแอฟริกาเท่านั้น (ที่จริงใช้คำว่า 'นิโกร' ซึ่งผมไม่อยากใช้เท่าไร) 

นี่เป็นแค่ตัวอย่างแรกของชนเอเชียที่เป็นที่รู้จักดีของโลกตะวันตก ชาติที่ทั้งเอเชียนับถือในสายตานาซีเยอรมันยังเป็นได้แค่ชนชาติที่ด้อยกว่าตนมาก (ชะตากรรมของคนผิวสีในเยอรมันนั้นมีหลายแบบมาก ทั้งโดนจับไปทดลอง ฆาตกรรม เด็กหลายร้อยคนถูกจับทำหมันเพื่อป้องกันไม่ให้มีบุตรกับอารยันได้ เลือดบริสุทธิ์ที่พวกเค้ามโนจะไม่ต้องแปดเปื้อน ขนาดจีนยังโดนเทียบกับผิวสี SEA ที่ยังดิบกว่านี้คงไม่ต้องพูด)
เกิบเบลส์ยังเคยเล่าถึงช่วงเวลาที่ท่านผู้นำมีช่วงเวลาที่กังวลใจว่าจะรักษาความสัมพันธ์กับพวกต่ำกว่ามนุษย์ในตะวันออกได้นานเท่าไร การโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์เองฮิตเลอร์เองก็บอกไว้ว่า "อย่าลืมว่านี่เป็นความพ่ายแพ้ของชนผิวขาว"

แต่สำหรับการรบแล้ว ฟือห์เรอร์บอกว่า "เราควรมีพันธมิตรแบบญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นบ้าง" นี่เหมือนความย้อนแย้งในตัวเอง ทุก ๆ ชัยชนะของญี่ปุ่นเหนืออังกฤษ ตัวฮิตเลอร์เองจะแฝงความสลดไว้ทุกคราที่ฟังข่าว ยินดีก็ไม่ยินดีเต็มร้อย

ความเกลียดชังญี่ปุ่นนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 โดยองค์ไกเซอร์ที่เริ่มใช้คำว่า "ภัยเหลือง" ในนโยบายการเมืองโลกของพระองค์หลังจากได้รับข่าวชัยชนะของญี่ปุ่นเหนือจีน พระองค์ดำริให้ศิลปินวาดภาพที่ชื่อเดียวกับนโยบายแขวนไว้บนเรือเดินสมุทรจักรวรรดิเหมือนบันทึกช่วยจำ

ชาวเอเชียนั้นยังถูกจัดให้เป็นพวก "non-Arayan" ตั้งแต่ก่อนสงครามโลก (มีกรณีที่ลูกครึ่งเยอรมัน-ญี่ปุ่นในสถาบันวิจัยถูกไล่ออก, ลูกครึ่งโดยเพื่อนในชั้นล้อหรือดูถูก) จนแม้แต่เอกอัคราชทูตญี่ปุ่นยังยื่นหนังสือขอความกระจ่างในนโยบายรัฐว่านี่มันยังไงกันแน่ ทูตนางาอิเตือนความทรงจำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราอาจจบลงหากมองเราเป็นแค่พวกชนผิวสี นี่ทำให้รมต.ต่างประเทศเยอรมันต้องออกมาแก้ตัวกันแทบไม่ติด (ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่น มีชาติอื่นอีกหลายชาติขอความกระจ่างร่วมด้วย) นโยบายต่างประเทศระหว่างสองชาตินี้กระท่อนกระแท่นและเปราะบางกว่าที่เห็นด้วยซ้ำ (ยังไม่นับหนังสือพิมพ์ญีุ่่นที่เล่นข่าวเหยียดชาติพันธุ์หลายสำนักเหมือนกัน)

มีความพยายามที่จะลดความตึงเครียดโดยการโยงความสัมพันธ์ระหว่างสองชนชาติแบบมั่ว ๆ ด้วย เช่น บอกว่าญี่ปุ่นนับว่าเป็นยูโรเปียนสายหนึ่งเช่นกัน ดูได้จากเด็กทารกที่มีหน้าแดงแจ๋แบบเดียวกับเด็กชาวยุโรป แต่ก็เป็นการแถแบบไม่เนียนเท่าไร นอกจากนี้ยังมีการที่สมาคมเยอรมัน-ญี่ปุ่นได้เสนอให้เปลี่ยนคำในข้อกฏหมายจาก "ผิวสี" เป็น "ยิวและพวกต่ำกว่ามนุษย์" แทนเพื่อเจาะจงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แต่ก็ยังปกปิดความจริงได้ไม่มิดที่ว่าพวกเขาเหยียดเชื้อชาติ เหยียดเลือดในกายเรามากเท่าไร (การแต่งงานข้ามเลือดถูกห้าม พวกมีเลือดอารยันเพียง 3/4 เองยังแต่งไม่ได้เลย...)

ท่านผู้นำเองยังเคยกล่าวกับริบเบนทรอฟว่าให้มองเกมร้อยปี "ต่อไปจะเป็นโลกแห่งชนผิวขาวและพวกผิวเหลือง" การรบกับพวกบอลเชวิกสำหรับนาซีแล้วเป็นแค่ศึกคั่นเวลาเท่านั้นก่อนที่จะฉะกับเอเชียในอนาคต

“เวลาจะช่วยพิสูจน์ว่าพวกเค้าคิดผิดทั้งหมด”

** ในนาซีเยอรมัน ที่ยืนชาติพันธุ์ผิวเหลือง **___________________________________จากหนังสือ ไมน์คัมฟ์ หรือการต่อสู้ของข...
Posted by World War II Japan army on 3 มิถุนายน 2015

Comments

Popular posts from this blog

วิธีลงทะเบียนรับโปรแกรม CLIP STUDIO PAINT PRO ฟรี สำหรับผู้ที่ไช้ Wacom Intuos

ปู่สังกะสา ย่าสังกะสี : ตำนานผู้สร้างโลกฉบับอีสาน