ข้อคิดจาก ตลกระดับโลก ชาร์ลี แชปลิน ในยุคแห่งความเกลียดชังในอเมริกา


“ The hate of men will pass, and dictators die, And the power they took from the people will return to the people.” -- Sir Charles Spencer Chaplin, Jr.--

“ความเกลียดของคนจะจางหาย เมื่อเผด็จการจากไป และ เมื่อนั้นอำนาจแห่งมวลชนจะคืนสู่ทุกคน” -- เซอร์ชาลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน จูเนียร์ --

เป็นคำกล่าวของ ชาลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน จูเนียร์ หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin) แซปลิน เป็นนักแสดงตลกชาวอังกฤษในยุคหนัง ขาวดำ โด่งดังไปทั่วโลก รู้จักกันในบทของ "ชายพเนจร" หรือ "แทรมป์" (Tramp) ตัวตลกที่ใส่สูทตัวเล็ก กางเกงตัวโคร่ง หมวกดาบี หนวดจิ๋ม รองเท้าคู่ยาว ถือไม้เท้าไม้ไผ่ และมีท่าเดินน่าขบขัน เป็นผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง ในยุคต้นถึงยุคกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของ ฮอลลีวูด ประเทศ อเมริกา เขาเป็นผู้กำกับ และ ประพันธ์ดนตรีในภาพยนตร์ที่เขาแสดงอีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้ จะบอกชื่อเขาแล้วทุกคนต้องรู้จัก ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดไม่ทันยุค ก็ตาม ซึ่งถือเป็นตลกระดับตำนาน เลยก็ว่าได้

ในยุคสมัยที่อเมริกากำลังตื่นตัวเรื่อง คอมมิวนิสต์ คนมากมายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ หรือ หากมีคิดแตกต่างก็จะถูกทางการจับกุม และ คนมากมายในสังคมก็จะเกลียดชัง พวกเขาเหล่านั้น ทั้งที่ บางคนไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ เพียงแค่คิดต่างเท่านั้นเอง ส่วน แชปลิน เขากลับเลือกที่จะมองคนอย่างเป็น กลาง และ เปิด กว้างทางความคิด จนทำให้ เขาถูกทางการเพ่งเล็ง โดยเฉพาะ “เจ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์” (J. Edgar Hoover) อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอคนแรก ชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลมากที่สุดในเรื่องการกุมข้อมูลความลับของบุคคลสำคัญทั้งหลายในสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นมาเฟีย นักการเมือง ดารา รวมไปถึงประธานาธิบดี!! เจ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ เป็นผู้นำที่เข้มแข็งของเอฟบีไอ เขาได้สร้างอาณาจักรเอฟบีไอให้กลายเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลองค์กรหนึ่งของสหรัฐอเมริกา นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอยาวนานถึง 37 ปี (1935 - 1972) และรับใช้ประธานาธิบดีสหรัฐถึง 6 คน


แชปลิน เป็นนักแสดงที่มีบุคคลรักมากมาย และ สร้างเสียงหัวเราะ กับคนทีดูเขา อย่างท่วมท้น แต่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนดู ก็เริ่มมีสัญญาณร้ายบางอย่างดังขึ้นมาว่า หนังของชาลีเป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้หลงนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์!


ในต้นทศวรรษ 2480 สถานการณ์โลกเริ่มเลวร้าย เมื่อ ฮิตเลอร์ ผู้นำกองทัพนาซีเยอรมัน กำลังฮึกเหิม ฝรั่งเศสก็กำลังถูกเยอรมันบุก ประเทศอังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมัน ช่วงเวลานั้น ชาลี แชปลิน ประกาศสร้างหนัง The Great Dictator หรือ “จอมเผด็จการ” เพื่อล้อเลียนนาซี และประท้วงความบ้าระห่ำของฮิตเลอร์ หนังสร้างระหว่างที่สงครามกำลังปะทุ
ชาลีได้รับโทรเลขสั่งจองหนังจากสายหนังอย่างคึกคัก พร้อม ๆ กับจดหมายขู่จากผู้นิยมนาซีว่าหนังออกฉายเมื่อไร ก็เตรียมรับลูกระเบิดได้เลย แต่แทนที่จะหวั่นวิตก ชาลีกลับยิ่งใส่วิญญาณของผู้เรียกร้องสันติภาพ ผ่านตัวละครที่เป็นช่างตัดผมหมวดจิ๋มคล้ายฮิตเลอร์ ซึ่งถือเป็นตัวละครคนแรกที่มีบทพูด ในรอบสองทศวรรษนับแต่เขาเริ่มสร้างหนัง


“…จงอย่าสิ้นหวัง ความทุกข์ทรมานที่เราได้รับอยู่นี้ เกิดจากความละโมบและบ้าคลั่งของคนที่ไม่อยากเห็นความเจริญของมนุษย์ด้วยกัน วันหนึ่งความเลวร้ายของเขาจะสิ้นสุดลง…พวกเผด็จการจะต้องตาย อำนาจที่เขาปล้นจากประชาชนจะต้องกลับไปสู่มือประชาชน แม้ว่าเราทั้งหลายจะตายไป เสรีภาพก็ยังคงอยู่ชั่วกาลนาน… ณ บัดนี้ เราจงมาร่วมกันต่อสู้เพื่อโลกเสรีของเราในนามของประชาธิปไตย เราจงร่วมมือกัน...”


แต่ผลที่ได้รับคือ ชาลี แชปลิน ถูกตราหน้าว่าเป็น “คอมมิวนิสต์” ในทันที่ที่รอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องนี้จบลง เขาถูกทำเนียบขาวตำหนิว่ากำลังสร้างความยุ่งยากให้อเมริกา ซึ่งขณะนั้นวางตัวเป็นกลางจากความขัดแย้ง แต่ครั้นเมื่อกองทัพนาซีบุกรัสเซียใน พ.ศ.2482 ชาลีก็ยิ่งถลำลึกด้วยการออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯยื่นมือเข้าช่วยรัสเซีย ซึ่งเวลานั้นเป็นประเทศคอมมิวนิสต์


“…ข้าพเจ้าไม่ใช่คอมมิวนิสต์ หากเป็นปุถุชนคนหนึ่งที่รู้ว่า คนเราควรจะปฏิบัติต่อคนด้วยกันอย่างไร คอมมิวนิสต์ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น เมื่อเขาแขนขาด เขาก็เจ็บปวดเหมือน ๆ กับเรา และตายเหมือน ๆ กับที่เราตาย และแม่ที่เป็นคอมมิวนิสต์ก็เหมือนกับแม่ทั้งหลาย เธอร้องไห้เมื่อได้ข่าวว่าลูกชายของเธอจะไม่กลับบ้านเหมือน ๆ กับแม่คนอื่น ๆ ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นคอมมิวนิสต์ เพื่อที่จะรู้ซึ้งถึงสิ่งเหล่านี้…”


จากดาราที่มีคนรักมากที่สุด บัดนี้ ชาลีกลายเป็นศิลปินคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับคนทั้งประเทศ และความเกลียดชังก็ยิ่งถมทับทวีคูณ เมื่อเขาถูกกล่าวหาว่าทำร้าย โจน แบรี่ อดีตคู่นอนที่กำลังตั้งท้องอย่างไร้ศีลธรรม ยิ่งเมื่อสังคมอเมริกันก้าวเข้าสู่ยุคมืด จากการปลุกปั่นให้เกลียดกลัวคอมมิวนิสต์ โดยแมกคาร์ที ผู้ก่อตั้ง “ลัทธิแมกคาร์ที” [McCarthyism] และผู้ฉวยโอกาสกำจัดศัตรูทางการเมืองโดยอาศัยกฎหมายว่าด้วยการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ จุดยืนของชาลีบนแผ่นดินอเมริกาก็แคบลงทุกที

“…เตะแชปลินไปอยู่รัสเซียเสีย…ไล่เจ้าคนต่างด้าวออกไปจากประเทศของเรา…ชาลี แชปลิน ผู้เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์…”


คือส่วนหนึ่งของข้อความในป้ายที่มีคนกลุ่มหนึ่งถือประท้วงอยู่หน้าโรงหนังที่ฉาย Monsieur Verdoux หนังเรื่องใหม่ของเขา แล้วหลังจากนั้น ในระหว่างนั่งเรือกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ลอนดอน ก็มีข่าวคึกโครมว่ารัฐบาลอเมริกาประกาศให้ ชาลี แชปลิน ถูกเนรเทศในข้อหา “เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา!”


แต่แล้วในปี พ.ศ. 2515 เกือบ 20 ปี เมื่อ แมกคาร์ที จอมปลุกผีคอมมิวนิสต์ตัวเอ้มีอันเป็นไป เหมือนเป็นสัญญาณปลุกให้อเมริกันชนตื่นขึ้นจากความลุ่มหลงงมงายอีกครั้ง ชาลี แชปลิน ในวัย 83 รับคำเชิญของฮอลลีวู้ดให้กลับไปรับรางวัลตุ๊กตาทองพิเศษ ในฐานะ “ศิลปินผู้สร้างสรรค์ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ให้กับวงการภาพยนตร์ในรอบศตวรรษ”

นิตยสารไทม์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ว่า

“…เป็นรางวัลที่มีความหมายมากกว่าการตอบแทนผลงานดีเด่น เป็นคำขอโทษที่มีตัวตน มันมีความหมายว่า อเมริกาทั้งประเทศได้ลบล้างความผิดพลาดที่น่าเศร้าของคนรุ่นเก่า ในการกระทำ (ต่อชาลี แชปลิน) ที่เปรียบเสมือนการเตะขาตัวเอง…”

จาก http://www.facebook.com/pages/Thailand-Democracy-Group/111362168904147

Comments

Popular posts from this blog

วิธีลงทะเบียนรับโปรแกรม CLIP STUDIO PAINT PRO ฟรี สำหรับผู้ที่ไช้ Wacom Intuos

ปู่สังกะสา ย่าสังกะสี : ตำนานผู้สร้างโลกฉบับอีสาน